โรคเก๊าต์
เก๊าต์ เป็นโรคปวดตามข้อชื่อดังอันดับ 1 เกิดจากการมีกรดยูริคสูงในเลือด โดยกรดยูริกจะเกาะกันเป็นผลึกคล้ายแก้วตามข้อต่างๆ ในร่างกาย จึงเกิดการทิ่มตำเนื้อเยื่อ และเส้นประสาทข้อต่อ ทำให้อักเสบเจ็บปวดเหมือนถูกเข็มแทง
เมื่ออาการโรคเก๊าต์แสดงเต็มที่ จะเกิด
1. อาการข้ออักเสบเฉียบพลัน
2. โรคข้ออักเสบผิดรูป
3. ไตทำงานบกพร่อง
4. ภาวะแทรกซ้อนทางระบบหัวใจและหลอดเลือด
โดยปกติ กลไกในร่างกายคนจะเปลี่ยน "กลดยูริก" ให้เป็น "ยูเรีย" แล้วขับออกทางปัสสาวะ แต่สำหรับคนที่เป็น "โรคเก๊าต์" ระบบร่างกายส่วนนี้จะบกพร่องทำให้มีกรดยูริกสะสมอยู่ในร่างกาย
การรักษาโรคเก๊าท์
คือต้องดูแลตัวเองเพื่อลดค่ากรดยูริคในเลือดให้อยูระดับปกติ เช่น การลดอาหารเนื้อสัตว์ ลดสุรา ลดการทานยอดผัก และใช้ยา
ในเพศชาย ค่ากรดยูริคในเลือดไม่เกิน 7.0 มก./ดล.
ในเพศหญิง ค่ากรดยูริคในเลือดไม่เกิน 6.0 มก./ดล.
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคเก๊าท์
1. กรรมพันธ์ุ ผู้ชายจะเริ่มอายุ 35-40 ปี สวนผู้หญิงเริ่ม 45 ปีไปแล้ว
2. อ้วน ถ้าน้ำหนักเกิน จะส่งผลให้กรดยูริกในเลือดสูงขึ้นด้วย
3. กินอาหารที่มี purine สูง สารตั้งต้นของการเกิดกรดยูริค
4. กินอาหารที่มีไขมันสูง
5. เป็นโรคความดันโลหิตสูง
6. ใช้ยาที่ใช้รักษาความดันโลหิตสูง ซึ่งจะลดการขับกรดยูริก,ใช้ยา aspirin ยารักษาวัณโรค เช่น pyrazinamide and ethambutol
7. ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ จะกระตุ้นให้มีการสร้างกรดยูริกเพิ่ม
8. ไตเสื่อม ทำให้ขับกรดยูริคได้น้อยลง
9. โรคที่ทำให้กรดยูริกสูง เช่น โรคมะเร็ง โรคเม็ดเลือดแดงแตก
10. มีภาวะขาดน้ำ
11. การได้รับอุบัติเหตุที่ข้อ
12. ได้ยาลดกรดยูริก
กรดยูริคคืออะไร?
กรดยูริค เกิดจากสารพิวริน ที่มีอยู่ในอาหารหลายชนิด กรดยูริคในร่างกายได้รับจาก 2 ทางคือ
1. จากอาหารที่รับประทาน ประมาณร้อยละ 20 ได้จากอาหารที่รับประทานซึ่งมีมากในเนื้อสัตว์ ซึ่งจะถูกย่อยสลายจนเกิดเป็นยูริก
2. จากร่างกายสร้างขึ้นเอง ประมาณร้อยละ 80 ได้ จากการสลายเซลล์หรือเนื้อเยื่อในร่างกายแล้วถูกเปลี่ยนให้เป็นกรดยูริก เช่น กล้ามเนื้อทำงานมากขึ้นหรือภาวะอดอาหาร
โดยปกติกรดยูริกจะถูกขับออกทางไต 2 ใน 3 ของที่ร่างกายสร้างขึ้นอีกส่วนหนึ่งจะขับออกทางลำไส้ใหญ่ ทางน้ำลาย น้ำย่อยและน้ำดีซึ่งจะถูกทำลายโดยแบคทีเรียในลำไส
ภาวะกรดยูริกในเลือดสูงเกิดขึ้นได้อย่างไร?
สาเหตุของภาวะกรดยูริกสูงในเลือดนั้นมักไม่ทราบแน่ชัด โดยทั่วไปมีปัจจัยมาจาก
1. ร่างกายสร้างกรดยูริกมากเกินไป เนื่องจากร่างกายไม่สามารถควบคุมการสร้างกรดยูริกให้อยู่ในระดับปกติได้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับกรรมพันธ์หรือบริโภคอาหารประเภทโปรตีนอาหารมากเกินไป
2.ร่างกายขับกรดยูริกออกได้ไม่ดีหรือน้อยลง จากโรคไตพิการ การใช้ยาบางประเภท เช่น ยาขับปัสสาวะ ยารักษาวัณโรคบางชนิด เป็นต้น
สารพิวริน นั้นมีอยู่ในอาหารประเภทไหนบ้าง
อาหารที่มีพิวรีนน้อย (0-50 มิลิกรัม/อาหาร 100 กรัม)
ได้แก่ ธัญพืชต่างๆ ไข่ นม และผลิตภัณฑ์จากนม ผัก และผลไม้ เกือบทุกชนิด
อาหารที่มีพิวรีนปานกลาง (50-150 มิลิกรัม/อาหาร 100 กรัม)
ได้แก่ ข้าวโอ๊ต เนื้อหมู เนื้อวัว ปลากระพงแดง ปลาหมึก ปู ถั่วลิสง ถั่วลันเตา หน่อไม้ ใบขี้เหล็ก สะตอ ผักโขม
อาหารที่มีพิวรีนสูง (150 มิลิกรัม/อาหาร 100 กรัม)
ได้แก่ เครื่องในสัตว์ เนื้อสัตว์ปีก ปลาดุก ปลาซาร์ดีน ปลาไส้ตัน กุ้ง ไข่ปลา น้ำต้มกระดูก น้ำสกัดเนื้อ ซุปก้อน กะปิ ชะอม กระถิน สะเดา เห็ด แตงกวา
อาหารที่ประกอบด้วยน้ำตาลฟรุกโตส
ได้แก่ น้ำผลไม้กล่อง น้ำอัดลมต่างๆ และน้ำหวานต่างๆ
อาหารแปลรูปต่างๆ
ได้แก่ ปลากระป๋อง บะหมี่สําเร็จรูป ไส้กรอก ฯลฯ
การดูแลตนเองสำหรับผู้มีกรดยูริคสูง
ื่่รับประทานอาหาร ให้ครบ 5 หมู่ โดยงดอาหารที่มีพิวรีนสูงซึ่งได้แก่ เครื่องในสัตว์ เนื้อวัว น้ำสกัดจากเนื้อสัตว์เข้มข้น น้ำต้มเนื้อ ปลาทู ปลาร้า หอยแมลงภู่ หอยสแคลลอบ ห่าน ไข่ปลา ปลาไส้ตัน และผลิตภัณฑ์จากปลาไส้ตัน ยีสต์ และอาหารหมักที่ใช้ยีสต์
ผัก รับประทานผักส่วนที่โตเต็มวัย ไม่รับประทานส่วนยอดผัก และหลีกเลี่ยงหน่อไม้ หน่อไม้ฝรั่ง ดอกกะหล่ำ สะตอ กระถิน ชะอม ผักขม แตงกวา
รับประทานเต้าหู้เป็นประจำ เพราะเต้าหู้จะช่วยขับยูริคได้
ไม่รับประทานอาหารมันมาก เช่น อาหารที่ทอดอมน้ำมันมากเนื้อสัตว์ติดมันมาก เพราะไขมันทำให้ร่างกายขับยูริคได้น้อยลง
ดื่มน้ำสะอาด มากๆ วันวันละ 3 ลิตร เพื่อช่วยการขับถ่ายยูริค
งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบีย เพราะแอลกอฮอล์ทำให้ ยูริคสูงขึ้น
1. ขณะที่เกิดอาการ หรือผู้ที่เป็นโรคเก๊าต์ ควรงดยอดพืชผักทุกชนิด เพราะส่วนที่กำลังงอกจะมี สารพิวรีนสูงเปลี่ยนเป็นกรดยูริกได้
2. ผลของพืชไม่ได้ห้าม แต่เมล็ดพืชควรงด รวมทั้งงาด้วยให้สังเกตว่า อะไรที่สามารถงอกได้จะ มีการสะสมสารพิวรีนแม้จะทำให้สุกแล้วก็ตาม
3. เช่นเดียวกับข้อ 2 คือเมล็ดพืชทุกชนิดที่งอกได้จะมียูริกค่อนข้างมาก ควรงดโดยเฉพาะขณะมีอาการ
4. ถั่วเมล็ดแห้งทั้งหลายมีสารยูริกสูงปานกลาง หากกินไม่มากก็ไม่เป็นไร แต่ในที่นี้คุณดื่มนมถั่วเหลืองชนิดเข้มข้นวันละ 1 ลิตร หรือมากกว่า นับว่าปริมาณมากเกิน ทำให้ได้รับพิวรีนมาก ประกอบกับโปรตีนก็สูง ซึ่งจะเป็นตัวกระตุ้นการสร้างกรดยูริกภายในร่างกายได้ ควรลดปริมาณการดื่มนมถั่วเหลืองลงให้เหลือวันละ 2 แก้ว ถ้าอาการ ยังไม่ดีขึ้นอาจต้องงดสักระยะหนึ่งก่อน ให้เวลาร่างกายขับยูริกออกก่อน ปกติเมื่อปรึกษาแพทย์ๆ จะให้ยาขับยูริก และอาการจะดีขึ้นใน 3-4 วัน
5. การเกิดกรดยูริกมาจาก 2 ปัจจัย
ปัจจัยภายนอก ได้แก่ สารต่างๆ ในอาหารทั่วไปที่มีผลทำให้ปริมาณกรดยูริกในร่างกายสูงขึ้นได้ เช่น สารพิวรีน กรดยูริก หรือเกลือของกลดยูริกในอาหาร สารพวกนี้จะถูกเผลาผลาญเป็นกรดยูริกได้
ปัจจัยภายใน กรดยูริกที่เกิดจากการสลายตัวของเซลล์ต่างๆในร่างกาย เช่น ถ้ากล้ามเนื้อทำงานมากขึ้นหรือในภาวะอดอาหารมีการสลายของกล้ามเนื้อ จะมีสารพิวรีนเกิดมาก กรดยูริกก็เกิดมากด้วย
นอกจากนี้ ยาบางอย่าง เช่น แอสไพริน และยาที่เข้าซาลิไซเลต ยับยั้งการขับยูริกออกจากร่างกายอาหารที่มีไขมันสูงจะยับยั้งการขับยูริกออกจากร่างกาย น้ำดื่มก็นับว่าสำคัญควรดื่มน้ำให้มาก อาจถึง 3 ลิตรต่อวัน เพื่อป้องกันไม่ให้มีกรดยูริกเข้มข้นมากจนตกตะกอนและจับตัวเป็นผลึก ซึ่งมีแนวโน้มจะเกิดนิ่วในทางเดินปัสสาวะได้
สำหรับเรื่องการออกกำลังกาย ขณะที่มีอาการไม่ควรออกกำลังกาย เพราะกล้ามเนื้อทำงานมาก ก็มีสารพิวรีนมากขึ้นและมีการสร้างสาร แลคเตท ทำให้การขับยูริกลดลง ในภาวะปกติที่ไม่มีอาการกำเริบ คือสามารภควบคุมอาการของโรคได้ ก็ออกกำลังกายได้อย่างสม่ำเสมอ ไม่หนักเกินไป เช่น การเดินเร็ว ว่ายน้ำ โยคะ เป็นต้น
หน้าที่เข้าชม | 230,899 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 144,891 ครั้ง |
เปิดร้าน | 12 ส.ค. 2556 |
ร้านค้าอัพเดท | 22 ต.ค. 2568 |